น้ำหมักชีวภาพ พด.6 กับ อีเอ็มบอล ความเหมือนที่แตกต่าง
จากกรณีที่มีหลายหน่วยงานได้ออกมาสนับสนุนและช่วยเหลือในการฟื้นฟูบำบัด น้ำเน่าเสียในพื้นที่ประสบอุทกภัย ด้วยผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละหน่วยงานที่ทำขึ้นมา แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงเข้าใจและเรียกรวมผลิตภัณฑ์ที่บำบัดน้ำเสียว่า อีเอ็ม หรือ อีเอ็ม บอล “น้ำหมักชีวภาพ พด.6”ในส่วนของกรมพัฒนาที่ดิน ได้เรียกว่า “น้ำหมักชีวภาพ พด.6” โดยผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่มีความรู้ด้านนี้โดยเฉพาะ ได้คัดเลือกเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำเสียและขจัดกลิ่น เหม็น พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์สารเร่ง พด.6 ซึ่งเป็นกลุ่มจุลินทรีย์ที่ประกอบด้วย ยีสต์ ทำหน้าที่ผลิตแอลกอฮอล์ช่วยรักษาความสะอาด แบคทีเรียย่อยโปรตีน และแบคทีเรียย่อยไขมัน ช่วยย่อยสลายซากสัตว์และไขมันได้เร็วขึ้น ไม่ให้เกิดการหมักหมม จนเกิดการเน่าเสียและมีกลิ่นเหม็น รวมทั้งแบคทีเรียที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ตัวร้ายที่ทำให้เกิด น้ำเน่าเหม็น แล้วนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมใช้ในรูปของเหลวสีน้ำตาล เรียกว่า น้ำหมักชีวภาพ พด.6 ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินได้พัฒนาและใช้มาตั้งแต่ปี 2547 แล้ว รวมทั้งได้มีการศึกษา วิจัย ทดสอบถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ จนเป็นที่มั่นใจได้ในประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ พด.6 ดังกล่าว รวมทั้งได้มีการนำไปใช้ในเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์สึนามิที่เกิดขึ้นทางภาคใต้ของไทย และเหตุการณ์พายุนากิสถล่มประเทศพม่า
นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า สำหรับการผลิตน้ำหมักชีวภาพ พด.6 ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่มีปัญหาน้ำท่วมขัง เกิดการเน่าเสีย มีกลิ่นเหม็นในครั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่ากระบวนการผลิตและคุณภาพน้ำหมัก จะได้รับการควบคุมและตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการเพื่อให้ได้ ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานตามที่กำหนด ประกอบกับได้มีการนำไปใช้ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ผลเป็นที่ยอมรับและมีเสียงยืนยันตอบรับที่ดี ดังนั้น จึงยืนยันได้ว่าน้ำหมักชีวภาพ พด.6 ที่กรมพัฒนาที่ดินผลิตขึ้นนั้น สามารถนำไปใช้ในการบำบัดน้ำเน่าเสียในชุมชนได้จริง และไม่กระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้ ตลอดจนไม่ส่งผลทำให้น้ำเน่าเสียมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
...เกษตรกรหรือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำเน่าเสีย สามารถแจ้งขอรับการช่วยเหลือได้ที่ กรมพัฒนาที่ดิน ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กท. 10900 โทรฯ สายด่วน 1760 กด 7 ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ หรือที่สถานีพัฒนาที่ดินจังหวัดทั่วประเทศ.
อ้างอิง : http://www.farmkaset.org/contents/default.aspx?content=00680