หน้าเว็บ

วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2554

พริก ขาดตลาด



พริก ขาดตลาด

ปัญหาน้ำท่วม ที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดได้สร้างความเสียหายให้กับแหล่งเพาะปลูกพืชและผลไม้เป็นวงกว้าง ทำให้ผลผลิตโดยรวมมีปริมาณลดลงมาก ผลผลิตพืชผักหลายชนิดออกสู่ตลาดค่อนข้างน้อยและไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภคและอุตสาหกรรมแปรรูป ซึ่งพริกสดและพริกแห้งเป็นสินค้าเกษตรชนิดหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว โดยผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์พริกเพื่อการส่งออก อาทิ โรงงานซอสพริก พริกป่น และเครื่องแกงปรุงสำเร็จ ได้ร้องเรียนว่า ขณะนี้วัตถุดิบทั้งพริกสดและพริกแห้งที่ป้อนเข้าสู่โรงงานแปรรูปเริ่มขาดแคลน และไม่เพียงพอกับความต้องการของอุตสาหกรรม ทำให้ระบบการผลิตไม่มีความต่อเนื่อง ซึ่งอาจกระทบต่อตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์พริกในอนาคต ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าพริกสดและพริกแห้งจากต่างประเทศ

นายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า จากปัญหาดังกล่าว กรมวิชาการเกษตรได้เร่งยกร่างเงื่อนไขการนำเข้าผลพริกสดและพริกแห้งจากประเทศเวียดนามและอินเดีย เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมแปรรูปพริกเพื่อการส่งออก ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมนำร่างเงื่อนไขการนำเข้าพริกสดและพริกแห้งเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านการนำเข้าสิ่งต้องห้ามเพื่อการค้าและกิจการอื่น และคณะกรรมการกักพืช กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้พิจารณาเห็นชอบ หลังจากลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 30 วัน ประกาศฉบับนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้และอนุญาตให้นำเข้าได้ เบื้องต้นคาดว่าผู้ประกอบการจะสามารถนำเข้าวัตถุดิบพริกสดและพริกแห้งจากเวียดนามและอินเดีย เพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานแปรรูปได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณการนำเข้าค่อนข้างสูง

เงื่อนไขการนำเข้าพริกสดและพริกแห้งนี้ กำหนดว่า ผู้ประกอบการที่จะนำเข้าต้องมีใบอนุญาตนำเข้าซึ่งออกให้โดยกรมวิชาการเกษตร และผู้ที่มีสิทธิยื่นคำขอใบอนุญาตนำเข้าพริกต้องประกอบธุรกิจโรงงานแปรรูปพริก ทั้งยังระบุว่า สินค้าพริกที่นำเข้าจากเวียดนามและอินเดียให้ใช้เป็นวัตถุดิบเฉพาะในโรงงานแปรรูปเท่านั้น ห้ามนำไปวางจำหน่ายในท้องตลาดอย่างเด็ดขาด

...เพื่อป้องกันปัญหาพริกที่นำเข้ากระทบต่อราคาพริกภายในประเทศ ซึ่งอาจทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน


อ้างอิง : http://www.farmkaset.org/contents/default.aspx?content=00692

สมุนไพรพื้นบ้าน ขี้เหล็ก



ขี้เหล็ก

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Senna siamea (Lam.) Irwin & Barneby

ชื่อสามัญ : Cassod tree, Thai copper pod

วงศ์ : Leguminosae - ceasalpinioideae

ชื่ออื่น : ขี้เหล็กใหญ่ (ภาคกลาง) ขี้เหล็กแก่น (ราชบุรี) ขี้เหล็กหลวง (ภาคเหนือ) ขี้เหล็กบ้าน (ลำปาง, สุราษฎร์ธานี) ผักจี้ลี้ (เงี้ยว-แม่ฮ่องสอน) แมะขี้แหละพะโด (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ยะหา (มลายู-ปัตตานี)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ยืนต้น สูง 10-15 เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแคบ เปลือกต้นสีน้ำตาล แตกเป็นร่องตื้นๆ ตามยาว ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับ มีใบย่อย 13-19 ใบ รูปรี กว้าง 1.5 ซม. ยาว 4 ซม. ปลายใบเว้าตื้นๆ โคนใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ สีเขียว ก้านใบร่วมสีน้ำตาลแดง ดอก ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยงกลม มี 3- 4 กลีบ ปลายมน กลีบดอกมี 5 กลีบ ปลายมน โคนเรียว หลุดร่วงง่าย ก้านดอกยาว 1-1.5 ซม. เกสรเพศผู้มีหลายอัน ผล เป็นฝักแบนยาว กว้าง 1.3 ซม. ยาว 15-23 ซม. หนา สีน้ำตาล เมล็ดมีหลายเมล็ด

ส่วนที่ใช้ ขี้เหล็ก : ดอก ราก ลำต้นและกิ่ง ทั้งต้น เปลือกต้น แก่น ใบ ฝัก เปลือกฝัก ใบแก่
สรรพคุณ ขี้เหล็ก :

*ดอก ขี้เหล็ก
- รักษาโรคเส้นประสาท นอนไม่หลับ ทำให้หลับสบาย
- รักษาหืด รักษาโรคโลหิตพิการ ผายธาตุ
- รักษารังแค ขับพยาธิ
*รากขี้เหล็ก - รักษาไข้ รักษาโรคเหน็บขา ทาแก้เส้นอัมพฤกษ์ให้หย่อน แก้ฟกช้ำ แก้ไข้บำรุงธาตุ ไข้ผิดสำแดง
*ลำต้นและกิ่งขี้เหล็ก - เป็นยาระบาย รักษาโรคผิวหนัง แก้โรคกระษัย แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ ขับระดูขา
*ทั้งต้นขี้เหล็ก - แก้กระษัย ดับพิษไข้ แก้พิษเสมหะ รักษาโรคหนองใน รักษาอาการตัวเหลือง เป็นยาระบาย บำรุงน้ำดี ทำให้เส้นเอ็นหย่อน
*เปลือกต้นขี้เหล็ก - รักษาโรคริดสีดวงทวาร โรคหิด แก้กระษัย ใช้เป็นยาระบาย
*แก่นขี้เหล็ก
- รักษาโรคเบาหวาน รักษาโรคหนองใน ใช้เป็นยาระบาย
- รักษาวัณโรค รักษามะเร็งปอด ปอดอักเสบ มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร
*ใบขี้เหล็ก
- รักษาโรคบิด โรคเบาหวาน แก้ร้อนใน รักษาฝีมะม่วง
- รักษาโรคเหน็บชา ลดความดันโลหิตสูง ขับพยาธิ เป็นยาระบาย
- รักษาอาการนอนไม่หลับ
*ฝักขี้เหล็ก - แก้พิษไข้เพื่อน้ำดี พิษไข้เพื่อเสมหะ แก้ลมขึ้นเบื้องสูง เบื้องบน โลหิตขึ้นเบื้องบน ทำให้ระส่ำระสายในท้อง
*เปลือกฝักขี้เหล็ก - แก้เส้นเอ็นพิการ
*ใบแก่ขี้เหล็ก - ใช้ทำปุ๋ยหมัก


วิธีและปริมาณที่ใช้ขี้เหล็ก :

*ขี้เหล็กแก้อาการนอนไม่หลับ กังวล เบื่ออาหาร
ใช้ใบแห้งหนัก 30 กรัม หรือใบสดหนัก 50 กรัม ต้มเอาน้ำดื่มก่อนนอน หรือใช้ใบอ่อนทำเป็นยาดองเหล้า (ใส่เหล้าขาวพอท่วมยา แช่ไว้ 7 วัน คนทุกวันให้น้ำยาสม่ำเสมอ กรองกากยาออก จะได้น้ำยาดองเหล้าขี้เหล็ก) ดื่มครั้งละ 1-2 ช้อนชา ก่อนนอน
*ขี้เหล็กแก้อาการท้องผูก เป็นยาระบาย ยาถ่าย
ใช้ใบอ่อน 2-3 กำมือ หรือแก่นขนาดประมาณ 2 องคุลี ใช้ 3-4 ชิ้น ใช้ใบอ่อนหรือแก่ต้มกับน้ำ 1-1? ถ้วยแก้ว เติมเกลือเล็กน้อย ดื่มเมื่อตื่นนอนเช้า หรือก่อนอาหารเช้าครั้งเดียว


สารเคมีขี้เหล็ก :
เปลือก แก่นและใบ มี anthraquinone glycoside เช่น rhein, aloe-emodin, Chrysophanol และ Sennoside ดอกมีสารพวก chromone ชื่อ Barakol และสารขมชื่อ cassiamin

อ้างอิง : http://www.farmkaset.org/contents/default.aspx?content=00691